เรื่องเล่าชาววังสวัสดีครับครั้งหนึ่ง นั้นได้มีรายการเคยเปิดคำทำนายของพระ ปริศนารูปหนึ่งครับที่ท่านนั้นได้ทำนาย เอาไว้เกี่ยวกับพระชายาองค์ต่างๆของพระ บาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าแต่ ละพระองค์นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรรวมไป ถึงจะเป็นอย่างไรในอนาคตด้วยทำให้มีหลาก หลายคนครับก็ได้พูดถึงจนเป็นกระแสว่ามี โอกาสแค่ไหนที่พระชายาองค์ที่ 3 ตามคำ ทำนายอย่างท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์จะกลับมา สู่ฐานันดรศักดิ์อีกครั้งหนึ่งจริงๆเรา ทุกคนนั้นทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่าท่าน ผู้หญิงศรีรัศมิ์มีความสัมพันธ์อย่างไร เกี่ยวเนื่องกับพระราชวังจักรีอย่างไร
โดยประวัติส่วนตัวของท่านนั้นครับก็คือ ขณะนี้ท่านก็คือพลตรีหญิงท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์สุวะดีพระนามเดิมครั้งยังมีฐานะ ดอนสักก็คือพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า ศรีรัศมิ์เป็นอดีตพระวรชไชยาในพระบาท สมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้ง ยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุราชกุมาร เป็นพระมารดาในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้า ฟ้าทีปังกรรัศมีโชติแต่ว่าอีกข้อมูลหนึ่ง ครับที่ยังไม่เป็นที่ทราบกันมากนักนั่นก็ คือสายสัมพันธ์ของท่านผู้หญิงศรีรัตน์กับ ชายาอีกท่านหนึ่งในล้นเกล้ารัชกาลที่ 10 นั่นก็คือเจ้าคุณพระสินีนาถพิราบกัลยาณี
นั่นเอง ทั้งสองคนนี้ครับมีความสัมพันธ์อดีตต่อ กันเป็นอย่างมากเจ้าคุณพระสินีนาถพิลาส กัลยาณีนามเดิมก็คือนิรมลอุ่นพรหมครับจบ การศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วก็เข้าศึกษา หลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิตนักวิทยาลัย พยาบาลกองทัพบกรุ่นที่ 41 จนจบการศึกษา เมื่อปีพุทธศักราช 2551 แล้วก็ได้ทำงาน เป็นพยาบาลประจำโรงพยาบาลอนันทมหิดลกอง ทัพบกครับในอดีตนั้นนะครับคุณนิรมลอุ่น พรหมหรือว่าคนก้อยก็ได้รับการแต่งตั้ง เป็นข้าราชการในพระองค์จากตำแหน่งเดิมก็ คือพยาบาลประจำโรงพยาบาลอนันทมหิดลกองทัพ บกก็ได้เปลี่ยนขึ้นไปขยับขึ้นไปเป็น ตำแหน่งเจ้าพนักงานในตำแหน่งประเภททั่วไป
ระดับชำนาญการฝ่ายกิจการพิเศษประจำพระ ราชสำนักโครงการในพระองค์และการพระ ราชกุศลกองงานพระวรชายาในสมเด็จพระ บรมโอรสาธิราชสยามมกุราชกุมารซึ่งก็ได้ ถวายงานอยู่ในตำแหน่งนี้ครับเป็นเวลาถึง 2 ปี สรุปคร่าวๆนะครับก็คือว่าได้ถวายงานให้ กับท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์นั่นเองครับ และในช่วงเวลาณขณะนั้นเจ้าคุณพระก็ได้สูญ เสียบิดาอย่างไม่มีวันกลับจากอุบัติเหตุ ทางถนนต่างศบบำเพ็ญกุศลที่วัดสุพารามตำบล ท่าวังผาอำเภอท่าวังผาจังหวัดน่านในครั้ง นั้นครับในหลวงรัชกาลที่ 10 และท่านผู้ หญิงศรีรัศมิ์ก็ได้โปรดเกล้าให้นายชุมพล แสงมณีผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน
เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญพวงมาลาพระ ราชทานพระไตรพระราชทานแล้วก็ดอกไม้จันทน์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารและพระเจ้าวรวงศ์เธอพระ องค์เจ้าศรีรัศมิ์ชายาในงานศพของนาย วิรัชต์อุดมนะครับซึ่งก็คือบิดาของเจ้า คุณพระนั่นเอง ในตอนนั้นครับเจ้าคุณพระก็ได้ดำรงตำแหน่ง ข้าราชบริพารในพระเจ้าบวรวงศ์เธอพระองค์ เจ้าศรีรัศมิ์แล้ว ซึ่งเป็นพยาบาลประจำพระองค์ครับและยังมี เรื่องเล่ากันว่านอกจากจะมีหน้าที่เป็น พยาบาลประจำพระองค์ของท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ก็ยังมีหน้าที่นำจดหมายน้อยจาก พระวรชายาไปถวายพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 อีกด้วย
ก็นับว่าเป็นเวลานานพอสมควรนะครับนับจาก วันที่แต่งตั้งตำแหน่งเป็นข้าราชบริพารใน พระองค์ที่เจ้าคุณพระได้ถวายงานพระเจ้า อยู่หัวรัชกาลที่ 10 และท่านผู้หญิง ศรีรัตน์ก็ทำให้เชื่อได้ว่าเจ้าคุณพระและ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์นั้นก็มีความ สัมพันธ์อดีตต่อกันในที่นี้ครับพอเวลา ย้อนกลับมาในด้านของคำทำนายนะครับของพระ เกจิสายปฏิบัติรูปหนึ่งที่ได้ทรงทำนายทาย ทักเอาไว้ เกี่ยวกับเรื่องของพระชายาของพระบาท สมเด็จพระปรมินทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีส่วนหนึ่งของคำทำนายครับระบุเอาไว้ดัง นี้ว่า ชายาลำดับที่ 3 มาที่ไหนกลับไปที่นั่นพระ
องค์นี้จะมีบุญมากรวมถึงวาสนาที่ร่วม กระทำกันมาเมื่อชาติปางก่อนและจะเป็นพระ องค์เมตตาที่สุด ด้วยผลบุญนั้นจะได้กลับมาอีกครั้งตามบุญ และวาสนาในช่วงหนึ่ง หากจะมองว่าคำทำนายนี้มีสิทธิ์เป็นจริงนะ ครับก็พอจะเป็นไปได้นะครับไม่ได้เกินจริง แต่อย่างใดเพราะว่าในขณะนี้พระองค์ ทีปังกรรัศมีโชติก็เป็นรัชทายาทตามกฎ มณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันติวงศ์โดย กฎมณเฑียรบาลนะครับขอยกมาสั้นๆว่าระบุถึง ผู้ที่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์โดยพระ มหากษัตริย์นั้นมีสิทธิ์ขาดในการเลือก องค์รัชทายาทด้วยโดยที่ราชประเพณีซึ่งมี สืบมาแต่โบราณเมื่อสมเด็จพระ
มหากษัตริย์ติยาที่ราชเจ้าได้เสด็จเถลิง ถวัลย์ราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว ก็ย่อมโปรดให้สถาปนาพระเกียรติยศพระ บรมวงศานุวงศ์ทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกร รัศมีโชติซึ่งเป็นพระราชโอรสได้ทรงเจริญ วัยตั้งพระทัยศึกษาและทรงปฏิบัติ สรรพกรียกิจอันควรแก่ขติยกุมารได้อย่างดี ยิ่ง เป็นที่ประจักษ์แก่มหาชนทุกหมู่เหล่าควร จะยกย่องพระเกียรติยศตามโบราณราชประเพณี จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้สถาปนา และเฉลิมพระนามพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า ทีปังกรรัศมีโชติตามที่จารึกในพระ สุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกร
รัศมีโชติ มหาวชิโรชมังคกูลสิริวิบูลย์ราชกุมาร แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่ หัวจะทรงมีพระโอรสก่อนหน้านั้นถึง 4 คน ในนามสกุลพระราชทานว่าวิวัชรวงศ์นั่นก็ คือมีท่านชายจุฑาวุธท่านวชิระรีสอร์ทท่าน จักรีวัชระและท่านวัชรวี ซึ่งทั้งหมดประสูติแก่หม่อมสุจาริณีมหิดล อยุธยาหม่อมสุจาริณีเคยเป็นพระชายาในพระ บาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะดำรง พระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ในปัจจุบันครับท่านชายทั้ง 4 ท่านนี้ เนี่ย ได้อาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ว่า ทั้ง 4 ท่านนั้นก็ไม่ได้มีสิทธิ์ใน ราชบัลลังก์ครับอีกทั้งไม่ได้มี
ฐานันดรศักดิ์ใดๆมีเพียงการใช้นามสกุลพระ ราชทานว่าวิวัชชันวงศ์เท่านั้นส่วนท่าน ผู้หญิงศรีรัศมิ์ครับมารดาของพระองค์ ทีปังกรนั้นทรงขอลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายนพุทธศักราช 2557 แต่ว่าได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เป็นลายลักษณ์อักษรนะครับ ซึ่งมีจารึกเอาไว้เป็นเรื่องของพระราชทาน กราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์มีผล ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคมพุทธศักราช 2557 การนี้พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานเงิน 200 ล้านบาทแก่พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ เพื่อทรงใช้ในการดำรงพระชนม์ที่และทรงดู แลครอบครัว ส่วนเหตุที่ยังคงมีคำนำหน้านามว่าท่านผู้
หญิงก็เนื่องจากว่าพระองค์ได้ทรงรับพระ ราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นประถมจุลจอมเกล้าหรือฝ่ายไหนนั่นเอง ครับกล่าวโดยสรุปแล้วก็คือท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ก็น่าจะมีโอกาสกลับเข้ามาสู่ ฐานะดอนสักในฐานะพระราชมารดาหากว่าในการ ข้างหน้าพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกร รัศมีโชติได้เสด็จขึ้นครองราชย์นั่นเอง และนี่ครับก็คือเรื่องราวทั้งหมดของความ สัมพันธ์ระหว่างท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เจ้า คุณพระสินีนาถพิลาสกัลยาณีและบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับการกลับคืนฐานันดรศักดิ์อีก ครั้งหนึ่งแต่ว่าคำทำนายจะเป็นจริงเพียง ใดนั้นก็ยังไม่มีใครล่วงรู้ได้ครับเพราะ
ว่าเป็นเรื่องของอนาคตก็ต้องตามดูสิ่งที่ จะเกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์กันต่อไป ครับสำหรับวันนี้เรื่องเล่าชาววังลาไป ก่อนขอตัวกลับคำว่าขอบพระคุณครับ
