ขนลุก! เปิดคำทำนาย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ชะตาบ้านเมือง สมัย ร.10 หมู่มารพ่ายบารมี

เปิด คำ ทำนาย หลวง พ่อ ฤาษี ลิง ดำ ใน สมัย รัชกาล ที่ 10 ชะตา บ้าน เมือง หมู่ มาร พ่าย บารมี ใน สมัย ที่ หลวง พ่อ ฤาษี ลิง ดำ ยัง มี ชีวิต อยู่ ได้ มี การ รวบ รวม คำ เทศนา ของ หลวง พ่อ ไว้ เป็น หนังสือ ชื่อ ฤาษี ทัศนาจร ซึ่ง ได้ จัด พิมพ์ ออก มา หลาย เล่ม หลาย ตอน โดย ใน เล่ม ที่ 1 ตอน เทวดา ชวน ขุด ทอง ได้ มี การ คำ ทำนาย ซอด แทรก ไว้ และ มี การ ทำนาย เหตุ การณ์ ที่ จะ เกิด ขึ้น ใน รัชกาล ที่ 10 ว่า จะ มี ผู้ ใด มา ขึ้น ครอง ราชย์ เป็น รัชกาล ที่ 10 และ มี เหตุ การณ์ ใด มี เหตุ การณ์ ใด บ้าง ดัง เนื้อ หา มี ข้อ ความ ได้

บันทึก ไว้ ดัง นี้ เมื่อ แผ่น ดิน สะเทือน แผ่น ดิน สั่น เกิด ขึ้น ดร. เจ้า ปริญญา ก็ บอก ว่า เป็น ปรากฏการณ์ ของ ธรรมชาติ บ้าง แต่ ทว่า เจ้า ลิง นี่ สิ ฤาษี ลิง ดำ หัว หน้า ทัศนาจร มัน ไม่ ว่า อย่าง นั้น พอ แผ่น ดิน สะเทือน ก็ กำหนด จิต คิด ว่า นี่ มัน เรื่อง อะไร พอ มี ความ ดำริ เท่า นั้น ก็ ปรากฏ ว่า บรรดา ปิยสหาย คราว นี้ ไม่ ใช่ หมา แล้ว กลาย เป็น ผี มี ศักดิ์ ศรี ใหญ่ แต่ง ตัว สี แดง พืช ไป หมด ประมาณ 70-80 คน แล้ว ก็ ประมาณ สี เขียว สี ดำ อีก หลาย ร้อย คน เห็น บริเวณ นั้น เกื่อน ก่น ไป หมด จึง ถาม ว่า

นี่ พ่อ เทวดา แก มา ทำ อะไร กัน อยู่ ที่ นี่ และ ทำไม แผ่น ดิน มัน ถึง สั่น สะเทือน เขา ก็ ชี้ ไป ที่ ท่าน เจ้าพระญา โกสาป่อง คราว นี้ การ ไป คราว นี้ ท่าน เจ้าพระยา โกสาป่อง น้อง ชาย เจ้าพระยา โกสาปาน ท่าน ไป ด้วย ความ จริง ชื่อ นี้ สมมติ ขึ้น มา อย่า คิด ว่า มัน เป็น เรื่อง จริง ๆ ล้อ กัน และ เจ้าพระยา โกสาป่อง เป็น ใคร ก็ อย่า คิด อย่า ถาม ถาม ก็ ไม่ บอก แก ก็ เลย บอก ว่า เจ้าพระยา โกสาป่อง มัน คิด จะ ขุด ทรัพย์ มัน คิด ว่า ที่ นี่ มี ทรัพย์ มาก มัน อยาก จะ ได้ ทรัพย ใต้ แผ่น ดิน ใน เมื่อ คิด อย่าง นั้น ก็ เลย ทำ ให้ มัน รู้

ว่า มี จริง ฤาษี ลิง ดำ ก็ เลย ถาม เขา ว่า มี มาก มย เขา บอก ว่า เฉพาะ ทอง คำ ประมาณ 15 ตัน เห็น จะ ได้ แล้ว ยัง มี แก้ว ที่ มี ค่า มาก ที นี้ ถาม เขา ว่า มัน อยู่ ลึก มั้ย จะ ขุด ได้ มั้ย แก ก็ เลย บอก ขุด ไม่ ยาก หรอก มัน ไม่ ลึก เท่า ไหร่ ประมาณ 1 กล เท่า นั้น ก็ ถึง ก็ เสร็จ ก็ เลย บอก ว่า นี่ แก ไม่ น่า จะ บอก อย่าง นี้ นี่ เป็น ของ ที่ เกิน วิสัย ที่ คน จะ ขุด ได้ ทำไม ถึง บอก อย่าง นั้น เขา ก็ หัวเราะ ยัง ได้ ถาม ว่า ทรัพยากร ทั้ง หลาย เหล่า นี้ จะ ปรากฏ เป็น ผล ดี แก่ ประเทศ ชาติ ใน สมัย ไหน เขา ก็ เลย บอก ว่า

อานุภาพ ของ ทรัพยากร ทั้ง หลาย จะ ปรากฏ ขึ้น ใน ตอน กลาง สมัย รัชกาล ที่ 10 แห่ง กรุง รัตนโกสินทร์ สมัย นั้น จะ ปรากฏ ว่า ประเทศ จะ มี ความ มั่ง คั่ง สมบูรณ์ เป็น กรณี พิเศษ ทุก สิ่ง ทุก อย่าง จะ พร้อม มูล บริบูรณ์ จะ กลาย เป็น ประเทศ มหาเศรษฐี เขต หนึ่ง อย่า ว่า แต่ เฉพาะ ใน เอเชีย เลย แม้ แต่ ยุโรป ก็ ต้อง เอา ใจ ทั้ง นี้ เพราะ อะไร เพราะ ว่า อำนาจ บุญ บารมี ของ กษัตริย์ ทั้ง สอง พระ องค์ คือ กษัตริย์ รัชกาล ที่ 9 เป็น ผู้ มี บุญ บารมี ใหญ่ ปู พื้น ฐาน เอา ไว้ แล้ว ก็ พระ โอรสาธิราช ที่ จะ เป็น กษัตริย์ องค์ ต่อ ไป ก็ เป็น พระ ราชา

ที่ มี บุญ บารมี ใหญ่ ที่ คน ทั้ง หลาย คิด ว่า จะ ทำลาย ประเทศ ไทย ให้ เป็น คอมมิวนิสต์ มี จิต หยาบ ปรารถนา จะ ให้ คน ทั้ง ชาติ ที่ มี ความ เคารพ ใน พระ พุทธศาสนา เป็น ทาส ของ บุคคล กลุ่ม เดียว ไม่ มี ความ หมาย เพราะ ความ หวัง ตั้ง ใจ ของ บุคคล ทั้ง หลาย เหล่า นี้ เขา จะ พา ตัว เขา พินาศ ไป เอง เพราะ อำนาจ บุญ บารมี ของ พระ มหากษัตริย์ ที่ เปลี่ยม ไป ด้วย พระ มหากรุณาธิคุณ ที่ มี สมรรถภาพ เป็น พิเศษ เขา ก็ ว่า อย่าง นั้น ก็ เลย บอก ว่า โมทนา ด้วย นะ แล้ว ก็ ใน ฐานะ ที่ ท่าน ทั้ง หลาย เป็น เทวดา ก็ ต้อง ช่วย กัน นะ เขา ก็ เลย บอก ว่า ช่วย กัน

ก็ เลย ถาม ต่อ ไป ว่า การ ที่ ทำ แผ่น ดิน สะเทือน นี่ นะ เป็น ปัจจัย เพราะ เจ้า พญา โกสาป่อง แก มี ความ ละโมบ โลภ มาก อยาก ได้ ใน ทรัพย์ ใน แผ่น ดิน นั้น ใช่ มย ก็ มี ท่าน หนึ่ง บอก ว่า ไม่ ใช่ ไอ้ เจ้า พญา โกสาป่อง นี่ มัน เป็น เพื่อน กัน เคย เป็น เพื่อน ร่วม กัน มา แต่ ว่า ตอน นี้ ตา มัน ยัง ไม่ ดี แต่ ทว่าน เขา ก็ ดี ก็ คือ ว่า ชอบ สร้าง ตัว เป็น คน ส สุจริต ไม่ ทุจริต โกง เงิน โกง ทอง ของ รัฐบาล รับ ราชการ ด้วย ความ ซื่อ สัตย์ สุจริต แล้ว ก็ มี จิต ประกอบ ไป ด้วย กุศล อย่าง นี้ จึง แสดง อาการ ให้ ปรากฏ

และ อีก ประการ หนึ่ง คน ที่ มา ทั้ง หมด นี้ เป็น อัน ว่า 99.99% 99% จัด ว่า เป็น คน ที่ มี บุญ ใหญ่ มี ศักดิ์ ศรี ใหญ่ ก็ เลย ถาม ว่า คน ที่ มี บุญ ใหญ่ มี ศักดิ์ ศรี ใหญ่ น่ะ มัน ใหญ่ กัน ตรง ไหน เขา ก็ เลย บอก ว่า ใหญ่ ตรง ที่ มี ความ ดี น่ะ สิ เพราะ การ มา คราว นี้ นี่ ตั้ง ใจ มา นมัสการ พระ ดี ที่ เรียก กัน ว่า สุปฏิปันโน และ พระ ทั้ง หลาย เหล่า นั้น คณะ เขา เอง บารมี พระ มหากษัตริย์ คน ใน ยุค สมัย ใหม่ จะ ไม่ ค่อย เข้า ใจ เกี่ยว กับ พระ บารมี ของ องค์ พระ มหากษัตริย์ โดย เฉพาะ อย่าง ยิ่ง ใน ยุค ของ พวก

เรา ที่ ได้ รับ การ ศึกษา ตาม แบบ ตะวัน ตก มา อย่าง ช้า นาน เรา จะ มี ความ รู้ เรื่อง ประชาธิปไตย โดย เอา ประเทศ สหรัฐ อเมริกา เป็น มาตรฐาน โดย ขาด ความ รู้ ความ เข้า ใจ ใน พื้น ฐาน และ ภูมิ หลัง ของ การ ก่อ ตั้ง ประเทศ ของ เขา ว่า ต่าง จาก ประเทศ ของ เรา แทบ จะ คน ละ อย่าง การ ที่ ประเทศ ของ เรา ยัง มี พระ มหากษัตริย์ ที่ อยู่ ใน ฐานะ ผู้ ทรง ความ ศักดิ์สิทธิ์ และ เรา ต่าง รู้ สึก จง รัก ภักดี ผิด จาก ประเทศ อื่น ที่ ประชา ชน ใน ประเทศ นั้น ๆ จะ ไม่ เกิด ความ รู้ สึก เช่น นี้ กับ ประมุข ของ เขา ก็ เพราะ พวก เรา มี พระ

มหากษัตริย์ สืบ ราช สันติวงศ์ มา เป็น เวลา ถึง 700 ปี แล้ว การ สืบ เชื้อ สาย กษัตริย์ หรือ เลือด แห่ง ขัตติยะ มี มา เช่น นี้ ไม่ เคย ขาด สาย คน ไทย ทุก คน ที่ เกิด มา จึง รู้ สึก ว่า ตน เอง มี ความ สุข สงบ อยู่ ได้ ก็ เพราะ ได้ อยู่ อาศัย อยู่ ภาย ใต้ ตาย ลม แห่ง พระ บารมี โพธิสม ส ความ รู้ สึก ที่ จง รัก ภักดี และ ซาบ ซึ้ง เช่น นี้ จะ ไม่ เกิด มี และ ไม่ เป็น ที่ รู้ จัก ของ ชน ชาติ ใด ที่ ไม่ มี กษัตริย์ เป็น ศูนย์ รวม จิต ใจ ความ รู้ สึก ว่า พระ มหากษัตริย์ ทรง เป็น มิ่ง ขวัญ แห่ง ปวง ชน ชาว ไทย เช่น นี้ จะ ไม่ มี ใน

ประเทศ ที่ เขา ปก ครอง ด้วย ระบบ อื่น นี่ คือ ความ ภาค ภูมิ ใจ ที่ เรา คน ไทย ต่าง มี อยู่ ใน ใจ ร่วม กัน บาง ประเทศ ที่ เขา ไม่ มี พระ มหากษัตริย์ ก็ พยายาม รื้อ ฟื้น กษัตริย์ ขึ้น มา ใหม่ แม้ ใน ประเทศ สหรัฐ อเมริกา ก็ ยัง มี กลุ่ม บุคคล ที่ พยายาม สร้าง ระบบ กษัตริย์ ซึ่ง บาง คน อาจ คิด ไม่ ถึง ทั้ง นี้ ก็ เพราะ สถาบัน กษัตริย์ เป็น สัญลักษณ์ แห่ง ความ ภาค ภูมิ และ ความ สง่า งาม ที่ การ ปก ครอง ใน ระบบ อื่น ไม่ อาจ มี คำ ถาม ว่า เหตุ ใด พระ มหากษัตริย์ จึง ทรง เปลี่ยม พระ บารมี และ อยู่ ใน ฐานะ ที่ ควร เทิด

ทูล ได้ ถึง เพียง นี้ เหตุ ใด ทั้ง ที่ พระ องค์ เป็น มนุษย์ เช่น เดียว กัน แต่ กลับ อยู่ ใน ฐานะ เป็น คน พิเศษ และ ทรง มี ฐานะ เหนือ ทุก คน ใน ประเทศ คำ ถาม เหล่า นี้ จะ เกิด มี ใน ใจ ของ คู่ คน อยู่ มาก มาย หาก เรา เอา แต่ ความ รู้ ที่ เรียน ใน โรง เรียน หรือ ใน มหาวิทยาลัย มา วินิจฉัย ใน เรื่อง นี้ ฐาน ความ รู้ จะ ไม่ เพียง พอ เพราะ ความ รู้ ทั้ง หลาย ที่ เรา เรียน จบ กัน มา นี้ เป็น ความ รู้ และ ตำรา ที่ มา จาก พื้น ฐาน ความ คิด ของ ชาว ตะวัน ตก เป็น ส่วน ใหญ่ ความ รู้ ที่ ทำ ให้ คน ไทย เข้า ใจ ประเทศ ไทย และ

เข้า ใจ คน ไทย ยัง มี น้อย เพิ่ง จะ เริ่ม เพิ่ง จะ เริ่ม มี และ เริ่ม เป็น ที่ สน ใจ ก็ เมื่อ ไม่ นาน มา นี้ เอง นอก นั้น เรา ใช้ แนว คิด วิธี การ บริหาร โดย อาศัย หรือ วิ่ง ตาม ตะวัน ตก มา ตลอด ประเทศ ไทย จึง เดิน มา ถึง ทาง ตัน ใน วัน นี้ สิ่ง ที่ เป็น ความ จริง ก็ คือ ประเทศ ของ เรา ยัง มี พระ มหากษัตริย์ ดัง นั้น การ ดำรง รักษา ไว้ ซึ่ง สถาบัน อัน เก่า แก่ อัน มี มา คู่ ชาติ ไทย มา ตั้ง แต่ เริ่ม มี ประเทศ จึง มี ความ ภาค ภูมิ ใจ ที่ ประเทศ ใด ใน โลก ไม่ มี เหมือน และ การ จะ มี สถาบัน กษัตริย์ ไป ได้ นาน เพียง ใด ก็ ขึ้น กับ พระ บารมี

และ การ ทรง ทด พิษราชธรรม ของ องค์ พระ มหากษัตริย์ ที่ ทรง เป็น มิ่ง ขวัญ ของ ประชา ไม่ ได้ ขึ้น กับ ว่า เรา จะ เอา อย่าง ประเทศ ใด หรือ ต้องการ ความ ก้าว หน้า ความ ทัน สมัย นี่ คือ หลัก ใหญ่ สำหรับ ประเทศ ไทย ของ เรา เรา ไม่ จำเป็น ต้อง เอา อย่าง ใคร แต่ เรา จง เป็น ตัว ของ ตัว เอง พึ่ง ตน เอง และ สร้าง ประเทศ ด้วย สติ ปัญญา ของ ตัว เอง นั่น แหละ ประเทศ ไทย จะ รอด พ้น จาก วิกฤต ทั้ง ปวง ก้าว สู่ ยุค ใหม่ ต่อ ไป พระ มหากษัตริย์ ทรง มี พระ บารมี เหนือ กว่า คน ทั่ว ไป ก็ เพราะ กฎ แห่ง กรรม ที่ พระ องค์ สั่ง สม

มา ผิด จาก คน อื่น ที่ เกิด มา ใน ยุค นั้น ๆ หาก ใคร เข้า ใจ กฎ แห่ง กรรม จะ พูด เรื่อง อย่าง นี้ ง่าย เพราะ สามารถ อธิบาย ถึง อำนาจ และ บุญ บารมี ที่ เกิด มา เพื่อ อยู่ ใน ฐานะ เหนือ คน อื่น ซึ่ง ไม่ น่า เป็น ไป ได้ สำหรับ พวก เรา ที่ ได้ เรียน รู้ แต่ เรื่อง ประชาธิปไตย มา แต่ เป็น เด็ก นัก เรียน ใน พระ ไตรปิฎก ได้ มี กล่าว ไว้ ว่า การ ได้ เกิด มา เป็น กษัตริย์ หรือ เกิด ใน ราชวงศ์ ก็ เพราะ บุคคล นั้น เคย ได้ สร้าง ทาน บารมี ศีล บารมี ปัญญา บารมี ที่ ยิ่ง ยุหัส กว่า ทุก คน ใน สมัย ที่ ตน ได้ เกิด มา แล้ว ได้ เป็น กษัตริย์

คือ เป็น กุศลกรรม ที่ ทำ ไม้ อย่าง ยิ่ง ยวด กว่า ไข่ ไข่ ใน บารมี ทั้ง 10 ใน อดีต ชาติ เมื่อ มา เกิด ใน ชาติ นี้ จึง ได้ เสวย บุญ เสวย อำนาจ เหนือ กว่า คน ทั่ว ไป ท่าน กล่าว ไว้ ว่า คน ที่ จะ ได้ เกิด เป็น กษัตริย์ ต้อง เคย รักษา ศีล 8 มา อย่าง ยิ่ง ยวด ใน อดีต ชาติ อานิสงส์ แห่ง การ รักษา อุโบสถ์ หรือ รักษา ศีล 8 ที่ ตน เคย เคย บำเพ็ญ ไว้ เหนือ กว่า ใคร ๆ หาก ได้ เกิด มา เป็น มนุษย์ จะ ทำ ให้ มี ตบะ เดชะ มี อำนาจ เหนือ ใคร ใน ยุค สมัย ของ ตน จน กว่า จะ หมด บุญ บารมี ที่ เคย สั่ง สม ไว้ อำนาจ บารมี เหล่า นั้น ก็ จะ ถอย ถอย ลง หรือ สูญ

สิ้น อำนาจ วาสนา ด้วย เหตุ ใด เหตุ หนึ่ง ยก ตัว อย่าง พอ ได้ เข้า ใจ ง่าย ก็ คือ เปรียบ เหมือน บุคคล ที่ เคย ยาก จน เขญ ใจ แต่ ยึด มั่น ใน สุจริต สั่ง สม กรรม ดี สร้าง บุญ กุศล ไว้ มิ ได้ ขาด แล้ว ก็ พาก เพียร อุตสาหะ สร้าง อนาคต สร้าง ฐานะ แสวง หา ความ ก้าว หน้า ใน เวลา ต่อ มา เขา ก็ ได้ รับ เสวย ผล แห่ง กรรม ดี และ ความ พาก เพียร ของ เขา จน กลาย เป็น คน ร่ำ รวย หรือ เป็น ข้า ราชการ ผู้ ใหญ่ ใน ภาย หลัง จาก ที่ เคย มี ชีวิต อด อยาก ยาก จน ก็ กลาย เป็น อยู่ ท่าม กลาง ความ สม อุดม สมบูรณ์ และ สะดวก สบาย เป็น ที่ เคารพ เกรง อก

เกรง ใจ ของ คน ทั้ง หลาย เพราะ ได้ เสวย ผล แห่ง กรรม ดี และ ความ ขยัน หมั่น เพียร ที่ ตน กระทำ บำเพ็ญ มา แต่ การ จะ ได้ เป็น กษัตริย์ ไม่ ใช่ การ สร้าง ความ ดี เพียง ใน ชาติ นี้ แต่ ต้อง เคย สร้าง ความ ดี และ เคย บำเพ็ญ บารมี อย่าง ยิ่ง ยวด มา แล้ว ตั้ง แต่ อดีต ชาติ จึง ทำ ให้ ไป เกิด ใน ตระกูล ที่ สูง ส่ง กว่า คน ทั่ว ไป หรือ บาง พระ องค์ แม้ เกิด ใน สามัญ ชน แต่ ก็ จะ เกิด เหตุ การณ์ พลิก ผัน ของ บ้าน เมือง ทำ ให้ ตน เอง ขึ้น เป็น กษัตริย์ จน ได้ อย่าง เช่น สมเด็จ พระ พุทธยอด ฟ้า จุฬาโลก มหาราช พระ มหากษัตริย์

ผู้ สถาปนา กรุง รัตนโกสินทร์ ของ ไทย หรือ พระ เจ้า บุเรงนอง ของ พม่า เป็น ต้น นี่ ก็ เพราะ อำนาจ แห่ง บุญ บารมี ที่ สั่ง สม ไว้ ใน อดีต ชัก นำ ให้ เป็น ไป ชินแส จึง ได้ ทำนาย พระ ภิกษุ ทอง ด้วง ทำนาย ไว้ สมัย บวช เป็น พระ ภิกษุ บิณฑบาต ด้วย กัน กับ พระ ภิกษุศีล ว่า ต่อ ไป ภาย ภาค หน้า จะ ได้ เป็น กษัตริย์ ทั้ง คู่ แล้ว ก็ เป็น จริง ทุก อย่าง ตาม คำ ทำนาย ด้วย เหตุ นี้ คน เป็น กษัตริย์ จิต ใจ จึง ไม่ เหมือน คน สามัญ ธรรมดา ถ้า จะ กว้าง ขวาง ก็ กว้าง ขวาง เหนือ ใคร หาก ต้อง โหด ร้าย ก็ โหด ร้าย ไม่ มี ใคร เหมือน เมื่อ เมตตา ก็ ทรง มี

เมตตา มหาศาล เมื่อ ถึง คราว กล้า หาญ ก็ เด็ด เดี่ยว กล้า หาญ ผิด จาก มนุษย์ ทั่ว ไป นี่ คือ น้ำ ใจ ของ คน ที่ เกิด มา เพื่อ เป็น กษัตริย์ การ เกิด มา เป็น กษัตริย์ เป็น ด้วย บุญ บารมี ที่ บุคคล คน นั้น ได้ บำเพ็ญ ไว้ แล้ว มา เสวย ผล บุญ ใน ชาติ นี้ จึง ไม่ เกี่ยว ว่า ใน ชาติ ปัจจุบัน นี้ จะ กระทำ กรรม ดี หรือ ชั่ว อย่าง ไร ตราบ ใด ที่ บุญ บุญญาภิสมภาร ที่ ทรง บำเพ็ญ ไว้ ยัง ค้ำ จุน เกื้อ หนุน อยู่ กษัตริย์ พระ องค์ นั้น ย่อม ทรง ครอง บัลลังก์ ไป ได้ ตลอด จน กว่า จะ หมด บุญ คน ที่ เกิด เป็น พระ มหากษัตริย์ ตาม กฎ แห่ง กรรม ย่อม ถือ ว่า ได้ สร้าง บุญ บารมี

ข้าม ภพ ค้ำ ชาติ มา มาก มาย มาก กว่า คน ที่ เกิด มา เป็น ประธานาธิบดี เพราะ ตำแหน่ง ประธานาธิบดี ยัง มี วาระ กำหนด ไว้ อยู่ ได้ ไม่ กี่ ปี ก็ ต้อง ลง จาก ตำแหน่ง หลีก ทาง ให้ คน อื่น ตาม กฎ กติกา ส่วน การ เป็น พระ มหากษัตริย์ นั้น เสวย อำนาจ บารมี ไป จน กว่า จะ สวรรคต นี่ คือ ผล แห่ง การ สร้าง บุญ บารมี ที่ ที่ บำเพ็ญ ไว้ แตก ต่าง กัน การ เป็น ประธานาธิบดี จึง ได้ รับ การ ยอม รับ นับ ถือ ใน ความ รู้ ความ สามารถ จาก คน ทั่ว ไป ที่ เป็น ไป ตาม กฎ กติกา แต่ จะ ไม่ เกิด บารมี ให้ ผู้ คน รู้ สึก โทษ ทูล จง รัก ภักดี และ ยก ไว้ ใน ฐานะ ที่ สูง

ส่ง เหมือน การ เป็น กษัตริย์ นี่ คือ ผล จาก การ บำเพ็ญ บารมี ศีล 8 ที่ บำเพ็ญ อยู่ ตลอด ต นั้น ส่วน คน ที่ เกิด เป็น ประธนาธิบดี ก็ เคย บำเพ็ญ มา เหมือน กัน แต่ บำเพ็ญ ศีล 8 ระยะ สั้น ๆ หรือ ทำ ได้ ชั่ว คราว จึง เสวย ตำแหน่ง อย่าง ถูก จำกัด เวลา และ คน ที่ มี ความ สามารถ เท่า เทียม กับ ตน ก็ มี อยู่ มาก มาย จึง ทำ ให้ ครอง ตำแหน่ง ยาว นาน ไม่ ได้ ใน ยุค สมัย และ ประเทศ ของ ตน เพราะ คน หนึ่ง บำเพ็ญ ความ ดี เพียง ช่วง ใด ช่วง หนึ่ง จึง เสวย ตำแหน่ง ได้ เพียง ชั่ว คราว อยู่ ถาวร ไม่ ได้ ส่วน คน เกิด มา เป็น กษัตริย์ นั้น

ท่าน เคย บำเพ็ญ บารมี มา แต่ อดีต อย่าง อุกลต ยิ่ง กว่า ใคร จน ตลอด ชีวิต เมื่อ เกิด มา จึง ทรง อยู่ ใน ฐานะ ที่ อยู่ เหนือ กว่า ใคร ๆ ใน ยุค สมัย นั้น ๆ ที่ ตน ได้ เป็น กษัตริย์ ตราบ สิ้น ชีวิต หรือ หมด บารมี สถาบัน พระ มหากษัตริย์ จะ หมด ไป จาก ประเทศ ใด ก็ เมื่อ ใน ยุค นั้น สมัย นั้น ไม่ มี บุคคล ใด ที่ บำเพ็ญ บารมี อย่าง ยิ่ง ยวด มา เกิด จน ถึง ขั้น พอ จะ ดำรง ตำแหน่ง ดำรง ฐานะ อัน สูง ส่ง ถึง ขั้น เป็น กษัตริย์ ให้ คน ทั้ง ประเทศ ยอม รับ ใน พระ บารมี ได้ แต่ หาก ยัง มี บุคคล ที่ ทรง บุญบาร บารมี ถึง ขั้น นี้ อยู่ ตราบ ใด สถาบัน กษัตริย์ จะ ยัง ไม่

มี ใคร มา ทำลาย หรือ ทำ ให้ สูญ สลาย ไป จาก ประเทศ นั้น ๆ ได้ นี่ คือ เหตุ ผล ที่ ทำ ให้ พระ มหากษัตริย์ ไม่ ว่า จะ เป็น ประเทศ ใด จึง เกิด เป็น ศูนย์ รวม จิต ใจ และ อยู่ ใน ฐานะ ที่ สูง ส่ง ที่ พิเศษ น่า อัศจรรย์ เรา เรียก สิ่ง นี้ ว่า พระ บารมี ประจำ องค์ ของ พระ มหากษัตริย์ บารมี ของ พระ มหากษัตริย์ นี้ จึง ไม่ เหมือน ใคร ทรง เป็น ที่ ตั้ง แห่ง ความ จง รัก ภักดี และ ความ เทิด ทูล นี้ ที่ ไม่ มี ตำแหน่ง ใด ใน โลก จะ เทียบ ได้ หาก เรา ไม่ เข้า ใจ กฎ แห่ง กรรม ที่ บุคคล บำเพ็ญ มา ข้าม ภพ ข้าม ชาติ เรา จะ ไม่ มี

วัน เข้า ใจ ความ เป็น บุคคล พิเศษ ที่ มี อำนาจ เหนือ ใคร ใน แผ่น ดิน ทุก คน เกิด มา ย่อม เป็น ไป ตาม กรรม ทั้ง ที่ ตน ทำ ไว้ ใน อดีต ชาติ และ ชาติ ปัจจุบัน หาก เรา ใช้ ภูมิ ปัญญา ตาม แบบ ตะวัน ตก หรือ แบบ วิทยาศาสตร์ อย่าง เดียว เรา จะ พลาด จาก ความ เข้า ใจ ใน ระบบ กรรม ของ ประเทศ กรรม ของ คน ใน ชาติ ก็ ยัง มี อะไร อีก มาก มาย สำหรับ โลก และ ชีวิต ที่ ลึก ลับ ซับ ซ้อน ยิ่ง กว่า การ ค้น พบ อนุภาค พระ เจ้า ที่ นัก วิทยาศาสตร์ ทั่ว โลก ตื่น ตื่น เต้น ยิน ดี เพราะ นับ จาก นี้ เรา อาจ พิสูจน์ ได้ ว่า เหล่า โยคี ท่าน ระลึก ชาติ ได้

อย่าง ไร เหมือน กับ ที่ เรา ค้น พบ คลื่น โทรศัพท์ มือ ถือ และ อินเทอร์เน็ต ได้ ใน ปัจจุบัน ทั้ง ที่ เมื่อ 20 ปี ก่อน เรา ต่าง คิด ว่า เป็น ไป ไม่ ได้ ที่ คน จะ คุย กัน โดย ไม่ มี สาย โทรศัพท์ แบบ นี้ เรา จง ยอม รับ ใน บุญ บารมี ของ บุคคล อื่น เคารพ ใน คุณ ค คุณ ความ ดี ของ กัน และ กัน ยอม รับ ใน กฎ แห่ง กรรม ที่ ทุก คน ต้อง เสวย ชีวิต ที่ เป็น ไป ใน แต่ ละ วัน ที่ เรา ได้ เสวย อารมณ์ ถูก ใจ บ้าง ไม่ ถูก ใจ บ้าง ถ้า พูด เป็น ภาษา พระ อภิธรรม ก็ คือ การ เสวย กุศล วิบาก และ อกุศล วิบาก ของ ตัว เอง แต่ ละ คน นั่น เอง

มี เมตตา และ ให้ อภัย ต่อ กัน สวรรค์ จะ เกิด ขึ้น ใน หัว ใจ ของ เรา ทัน ที จง พา กัน สร้าง สม บุญ บารมี บำเพ็ญ ศีล ให้ ทาน และ ภาวนา ให้ มาก เข้า ไว้ เพราะ ปี หน้า เรา จะ พบ กับ ความ ทุกข์ ยาก ลำบาก มาก กว่า ปี นี้ ตาม กฎ แห่ง กรรม ของ คน ใน ชาติ ที่ ทำ มา ร่วม กัน ถึง คราว จะ ส่ง ผล หาก ใคร รักษา ศีล บำเพ็ญ บารมี ไม่ ประมาท สิ่ง หลาย ร้าย ๆ ทั้ง หาย จะ ผ่อน หนัก เป็น เบา อย่า ถือ สา ความ ผิด ความ ถูก ต่อ กัน มา มาก นัก แต่ จง มี ความ รัก ความ เมตตา ไว้ นำ หน้า ทุก คน ต่าง มี ทุกข์ มี น้ำ ตา นอง หน้า และ แอบ ร้อง ไห้

ไม่ ให้ คน อื่น เห็น ด้วย กัน ทั้ง นั้น ใน ท้าย ที่ สุด แล้ว ทุก สิ่ง ย่อม ผ่าน ไป เหมือน ทุก เรื่อง ราว นั่น เอง อย่า ได้ ยึด มั่น ถือ มั่น ต่อ สิ่ง ใด จน เกิน ไป รักษา คุ้ม ครอง ใจ ด้วย ความ มี สติ รู้ สึก ตัว อยู่ กับ กาย และ ใจ ใน ขณะ นี้ ไว้ เสมอ นั่น แหละ คือ ที่ พึ่ง อัน ประเสริฐ ของ เก่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *